comparemela.com


สมุนไพรไทยสู้โควิด ทางรอดรักษาอยู่บ้าน
ไทยรัฐฉบับพิมพ์
บันทึก
เมื่อประเทศไทยเดินมาถึงวิกฤติทางตัน
“ผู้ป่วยล้นระบบสาธารณสุข” ขาดแคลนทั้งเตียง วัคซีน และยารักษาโรค จากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นทะลุหลักหมื่นหลายวัน ทำให้มีคนนอนรอเตียงอยู่บ้าน “บางคน”...ทนไม่ไหวเสียชีวิตอย่างน่าเวทนาดังเป็นข่าวตามสื่อมวลชนเป็นรายวัน
แม้ว่า
“กระทรวงสาธารณสุข” นำรูปแบบ
“Home Isolation” เข้ามาช่วยดูแลผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวนอนรักษาอยู่บ้านลักษณะให้บริการแพทย์ทางไกล แต่ก็ใช่ว่าระบบจะสามารถเข้าถึงทุกคนได้
ข่าวแนะนำ
เหตุนี้
“ประชาชน” ไม่มีทางเลือก พยายามดิ้นรนหาทางรอด พึ่งพา “ยาสมุนไพรไทย” โดยเฉพาะ “ฟ้าทะลายโจร กระชาย” มีผลวิจัยยืนยัน “ยับยั้งเชื้อโควิด” ถูกตีพิมพ์ในวารสารงานวิจัยหลายฉบับก่อนหน้านี้
ผลตามมา “ผู้คนแห่ซื้อกักตุน” จนฟ้าทะลายโจรสกัดแบบแคปซูล กระชายสกัดยาแคปซูล วิตามินบำรุงร่างกาย ยาเขียวสรรพคุณขับสารพิษหาซื้อไม่ได้ แม้แต่ “กระชายสด” ราคาพุ่งสูงถึงเป็นกิโลกรัมละ 150-200 บาทจากปกติ 30-50 บาท “ฟ้าทะลายโจรบดผง” ปรับขาย กก.ละ 500-700 บาท จาก 200-300 บาท
สมุนไพรไทยยับยั้งโควิดนี้
ภญ.ดร.ผกากรอง ขวัญข้าว หน.ศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร บอกว่า สมุนไพรไทยหลายชนิดมีคุณค่าสำคัญสร้างกลไกให้ร่างกายป้องกันตัวเองจาก “โรคหลายชนิดต่างกัน” ถูกใช้พึ่งตนเองมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
อีกทั้ง “สมุนไพรบางชนิด” มีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัสได้ผลดี จึงมีการศึกษาวิจัยในหลอดทดลองกันต่อเนื่อง กระทั่งพบว่า “ฟ้าทะลายโจรมีสารแอนโดร-กราโฟไลด์ (Andrographolide)” อันเป็นส่วนช่วยยับยั้งการแบ่งตัวเชื้อโควิด เข้าไปสู่เซลล์ร่างกาย และนำมาทดลองคลินิกยืนยันผล “ช่วยยับยั้งเชื้อโควิด” ได้เป็นอย่างดี
ทว่าแนวทาง “รักษาโควิด” ใช้หลักแนวทางเวชปฏิบัติในการวินิจฉัยดูแลรักษาด้วยการใช้ยาหลายชนิดที่มักให้ “ยาต้านไวรัส และยาบรรเทาอาการ” ในการดูแลรักษาผู้ป่วยไม่มียารักษาเฉพาะตอนนี้
“กรมการแพทย์” ได้นำฟ้าทะลายโจรมาใช้ใน “ผู้ป่วยไม่รุนแรง” ให้รับยาใน 72 ชม.เพื่อชะลอยับยั้งไม่ให้เชื้อลงปอดต้นเหตุการพัฒนาให้อาการรุนแรงยิ่งขึ้น ยกเว้นกลุ่มเสี่ยงมีโรคประจำตัว อ้วน และผู้สูงอายุ
เบื้องต้นต้องกินแอนโดรกราโฟไลด์ที่มีอยู่ในฟ้าทะลายโจรให้ได้วันละ 180 มิลลิกรัม 3-4 ครั้งต่อวันติดต่อกัน 5 วัน แต่ก็มีบางคนใช้ยาเกินนี้ที่ขึ้นอยู่กับ “แพทย์” เป็นผู้วินิจฉัยอาการแต่ละคน ทั้งยังมีบางโรงพยาบาล “ใช้ฟ้าทะลายโจรคู่กับยาต้านไวรัสในกลุ่มผู้ป่วยสีเหลือง” ด้วยซ้ำ
ย้ำว่า...“โควิดระบาดหนัก” ย่อมมี “ความต้องการฟ้าทะลายโจรมากกว่าการผลิต” ทำให้มีผู้ประกอบการรายเล็กไม่ควบคุมการผลิตออกมาขาย ในการซื้อฟ้าทะลายโจรที่ดีต้องระบุสารแอนโดรกราโฟไลด์ด้วย
ถ้าจำเป็นจริงๆ “ผู้ป่วย” สามารถใช้ฟ้าทะลายโจรที่หาง่ายมีอยู่ในมือไปก่อนก็ไม่เป็นไร แต่ต้องคอยติดตามอาการเป็นระยะ เพื่อปรับปริมาณการใช้ฟ้าทะลายโจรให้สอดคล้องกับอาการอย่างเหมาะสมก็ได้
แนะนำต่อว่า “ถ้าปลูกฟ้าทะลายโจรกินใบสดได้ยิ่งดี” ด้วยกินยอดใบในระยะบานสะพรั่งที่มีสารแอนโดรกราโฟไลด์สูง 4% เปรียบเทียบกับแคปซูลฟ้าทะลายโจรสกัดสารแอนโดรกราโฟไลด์วางขายในตลาดทั่วไป 6-10% ดังนั้น “ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด” สามารถพึ่งพาตัวเองได้ด้วยการกิน 5-10 ใบต่อมื้อ 3-4 ครั้งต่อวันก็ได้
ทว่าหลักรับประทานใบฟ้าทะลายโจรนี้ “ชาวบ้านต่างจังหวัดมักกินช่วยแก้หวัด แก้ไข้ ไม่สบาย” ด้วยการเคี้ยวทั้งใบ 5-7 ใบต่อมื้อ แล้วถ้ามี “อาการเจ็บคอ” ก็จะนำใบมาชงดื่มที่น้ำร้อนจะเป็นตัวชะนำสารแอนโดรกราโฟไลด์ เพื่อเข้าช่วยลดการอักเสบระบบอาหารควบคู่กับระบบทางเดินหายใจได้ดีด้วย
โชคดี “ผู้ป่วยโควิด” มักจมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส กินฟ้าทะลายโจรได้ “ไม่มีรสขม” ดังนั้น ถ้าเจอเหตุจำเป็นรอเตียงที่บ้าน โดยเฉพาะ “กลุ่มสีเขียว” ใช้วิธีนี้บรรเทาอาการก็ได้จนกว่าจะเข้าสู่ Home Isolation ต่อไป
แต่อยากให้ “ประชาชน” ระลึกเสมอว่า “สิ่งใดนำเข้าปาก” มักมี ความเสี่ยงผลกระทบต่อร่างกายทั้งสิ้น เหตุนี้ควรพิจารณาสิ่งที่ได้รับผลประโยชน์จากการกินเป็นหลักสำคัญ
ต้องเข้าใจว่า “ฟ้าทะลายโจร” นอกจากมีสรรพคุณ “ต้านไวรัส ปรับภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ” สามารถใช้ประโยชน์รักษาโควิด ยับยั้งเชื้อลงปอด ได้ดีแล้ว ยังใช้ใน “กลุ่มเสี่ยงสัมผัสใกล้ผู้ติดเชื้อ” ที่ตอนนี้พบระบาดในครอบครัวแพร่หลาย แม้ไม่มีตัวบ่งชี้อาการติดเชื้อก็สามารถกินป้องกันการแบ่งตัวเชื้อเข้าสู่เซลล์ได้เช่นกัน
ถัดมา “กลุ่มผู้ใช้ป้องกันติดเชื้อไม่มีความเสี่ยงใดๆ” เรื่องนี้ก็พอมีการศึกษาเกี่ยวกับ “ฟ้าทะลายโจร” ช่วยเสริมต่อภูมิคุ้มกันไม่มากนั้น โดยเฉพาะภูมิคุ้มกันไม่เฉพาะเจาะจงในการช่วยกำจัดไวรัสออกจากร่างกาย แต่ก็ยังไม่มีผลวิจัยยืนยันการป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อโดยตรงดังเหมือนวัคซีนชัดเจนเช่นเดิม
ฉะนั้น ช่วง “ฟ้าทะลายโจร” หายากราคาแพง “การกินเสริมภูมิคุ้มกัน” อาจไม่จำเป็น เพราะประโยชน์ใช้ป้องกันไม่ชัดเจนเหมือนกับ “การกินรักษา หรือกรณีกินป้องกันจากความเสี่ยงสัมผัสเชื้อ” โดยเฉพาะผู้ที่กินยาเดิมหลายชนิดอยู่แล้วอาจมีอันตรายต่อ “ตับ และไต” ตามมาก็ได้
อีกทั้ง “ไม่ควรใช้ในผู้แพ้ฟ้าทะลายโจร หญิงตั้งครรภ์ และหญิงให้นมบุตร” เหตุนี้จึงมีการนำ “กระชายเหลือง” เข้ามาช่วยทดแทนกลุ่มคนใช้ฟ้าทะลายโจรไม่ได้ ในการยับยั้งการเจริญเติบโตโควิดที่เรากำลังศึกษาใน “กลุ่มนักโทษติดเชื้อโควิดในเรือนจำ” เบื้องต้นก็พบว่ามีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัสได้ผลดีตามลำดับ
สิ่งสำคัญ “ผู้ติดเชื้อโควิด” ต้องมีสติในการใช้สมุนไพรไทย เพราะเคยเจอ “คนไข้กินน้ำต้มขิง ข่า เครื่องเทศ กระชาย กระเทียม รวมกัน” ที่เป็นคุณลักษณะรสเผ็ดร้อนกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกัน แต่เมื่อกินพร้อมกันเช่นนี้ทำให้กระตุ้นธาตุไฟมากเกินกว่าร่างกายรับได้ ส่งผลให้มีอาการไม่พึงประสงค์รุนแรงตามมา
ด้วยเหตุนี้แล้ว “ผู้ป่วยนอกระบบจำเป็นต้องรักษาอาการโควิดด้วยสมุนไพรไทย” ที่เป็นเสมือนยาทางเลือก ต้องเปรียบเทียบลักษณะรสยามาประกอบให้เหมาะสม ดังนั้น เริ่ม “ติดเชื้อ” มักมีอาการไข้ ตัวร้อนควร “กินฟ้าทะลายโจร” ที่จัดเป็นสมุนไพรที่มีรสขมอยู่ในกลุ่มยาเย็น เพื่อลดความร้อนในร่างกายก่อน
เมื่อความเย็นลดลงสังเกตจาก “อาการมีน้ำมูก” แล้ว แต่ว่า “พลังงานร่างกายไม่ฟื้นปกติ” ทำงานไม่ดีเหมือนเดิม เรียกว่า “ภูมิคุ้มกันบกพร่อง” ทำให้ สู้เชื้อโรคไม่ได้เช่นนี้ก็เติม “สมุนไพรประเภทรสเผ็ดร้อน กระชายกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกัน” สิ่งนี้เป็นศิลปะต่อสู้โรคแบบแผนไทยที่ถูกใช้มาช้านานแล้ว
ปัญหามีว่า...“การใช้ฟ้าทะลายโจรคู่กระชาย” เรื่องนี้ยังไม่มีชุดประสบการณ์ยืนยันแน่ชัดว่า “ใช้แล้วได้ผลมีประสิทธิภาพดีหรือไม่” แต่ก็มองว่า “กระชาย” อาจจะไปเพิ่มความร้อนให้อาการไข้สูงขึ้นกว่าเดิมก็ได้ จนทำให้ “ฟ้าทะลายโจร” ไม่อาจควบคุมความร้อนในร่างกายได้เลย ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ใช้ควบคู่กัน
ประเด็นต่อมา
“ขิง ข่า” ก็ถือว่า “เป็นยารสเผ็ดร้อน” แนะนำให้กินแบบจางจะเป็นประโยชน์กว่ากินเข้มข้นๆ เช่น สรรพคุณของขิงแก่มีรสหวานอุ่น “บำรุงปอด” ก็สามารถต้มดื่มตอนเช้าควบคู่กับ “กินฟ้าทะลายโจรยับยั้งเชื้อโควิด” แต่ไม่ควรกินขิงทั้งวันอันเป็นเหตุให้ความร้อนในร่างกายเพิ่มมากเกินไป
เน้นย้ำว่า “ผู้ป่วยควรพักผ่อนให้เพียงพอ” มิเช่นนั้นจะส่งผลต่อภูมิคุ้มกันต่ำ ไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดี ถ้ามี “ความเครียดนอนไม่หลับ” ต้องเสริมด้วย “ใบบัวบก” ช่วยลดความผิดปกติที่เกิดจากความกังวล ลดความเครียด และลดอาการซึมเศร้าได้ ข้อควรระวัง “บัวบกเป็นยาเย็น” ไม่ควรกินทีละเยอะทุกวัน
สรุปง่ายๆเมื่อรู้ว่า
“ติดเชื้อโควิด–19” รีบกินฟ้าทะลายโจรควบคุมอาการไข้ 5 วัน ในระหว่างนี้มีน้ำมูกให้กินน้ำต้มเครื่องเทศ กระชาย หอมแดง เครื่องต้มยำไม่เอาพริก หากมีเสมหะเหนียวติดคอ ต้มน้ำมะขามป้อมดื่มช่วยชุ่มคอ ลดการระคายเคือง และดื่มน้ำขิงตอนเช้าบำรุงปอด ถ้าใช้ยามาถูกทางมักดีขึ้นถัดจากใช้ยา 1 วัน
โควิด–19 เป็นโรคใหม่ ถ้าจำต้องนำ
“ยาสมุนไพรไทย” ที่มีอยู่ในท้องถิ่นมา
“รักษาอาการ” ตามภูมิปัญญาบรรพบุรุษ ต้องใช้ให้ถูกหลักสอดคล้องกับ “ร่างกาย” หากใช้ไม่ถูกมักก่อโทษอันตรายต่อผู้ใช้ได้.
อ่านเพิ่มเติม...

Related Keywords

Thailand , ,Public Health ,Mother The Ministry Public Health ,Enterprisesa Optional ,Chili ,Alcoa David ,Ministry Public Health ,Top Medical ,Ann Donetsk ,Yum Waco David ,Toronto Alcoa David ,Alcoa David Xix ,தாய்லாந்து ,பொது ஆரோக்கியம் ,மிளகாய் ,அமைச்சகம் பொது ஆரோக்கியம் ,மேல் மருத்துவ ,

© 2024 Vimarsana

comparemela.com © 2020. All Rights Reserved.