comparemela.com


วันนี้ (27 กรกฎาคม 2564) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) จัดการประชุมสถานะงานวิจัยและแนวทางการขับเคลื่อนระบบวิจัยโควิด-19 และโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ (EID) ในระยะ 3 ปี โดยร่วมกับผู้แทนจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกระทรวงสาธารณสุข ร่วมประชุมหารือถึงแนวทางการขับเคลื่อนงานวิจัยโควิด-19 รวมถึงการรับมือโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ศาสตราจารย์กิตติคุณ นพ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ ประธานกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) เปิดเผยว่า จากการปฏิรูประบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ของประเทศ ทำให้ปัจจุบันเกิดการบูรณาการในการทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของภาคนโยบายและภาคปฏิบัติ โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนประกอบด้วย 1) กำหนดทิศทาง 2) พลังขับเคลื่อนไปข้างหน้า 3) การทำงานร่วมกันของระบบ ซึ่งการขับเคลื่อนเรื่องการวิจัยและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 กสว.ทำหน้าที่มอบนโยบายในการจัดสรรงบประมาณจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กองทุน ววน.) ทำให้เกิดการจัดสรรงบประมาณในรูปแบบใหม่ซึ่งมีความรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ ทำให้หน่วยรับงบประมาณสามารถสร้างสรรค์ผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่ตอบสนองกับสถานการณ์เร่งด่วนท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยมีการทำงานร่วมกันกับศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ทำให้เกิดการขับเคลื่อนในลักษณะของกลไกร่วมกัน โดยมีสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.)
ขณะที่ รศ.ดร.ปัทมาวดี  โพชนุกูล ผู้อำนวยการ สกสว. กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ท้าทายกลไกการทำงานของระบบ ววน. ที่จะมีส่วนร่วมในการหาทางออกให้กับประเทศในปัจจุบัน และมองไปข้างหน้าในอีก 3 ปี แม้กองทุน ววน.จะสนับสนุนงบประมาณในการทำวิจัยและพยายามทำให้ระบบมีความยืดหยุ่นในการทำงาน แต่ในทางปฏิบัติพบว่ายังมีช่องว่างในการให้ทุน การตอบโจทย์ไม่ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงต้องสานพลังเพื่อการพัฒนา การประชุมครั้งนี้จะช่วยคลี่ภาพและแลกเปลี่ยน แนวนโยบายการขับเคลื่อนการทำวิจัย รวมถึงหารือร่วมกันว่าควรมีกลไกอย่างไรเพื่อให้ระบบวิจัยของประเทศตอบสนองความต้องการ ทั้งการตั้งโจทย์ การทำงานร่วมกันของผู้เชี่ยวชาญ และจะเชื่อมโยงกับภาคเอกชนอย่างไร การจัดสรรงบที่รวดเร็ว และการสื่อสารกับประชาชน เพื่อให้ สกสว. เครือข่ายวิจัย และหน่วยรับงบประมาณ ปรับปรุงการดำเนินงานให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์วิกฤตได้ทันท่วงที
ขณะที่ ศ.กิตติคุณ นพ.จรัส สุวรรณเวลา ประธานคณะที่ปรึกษาด้านผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม ศบค. กล่าวระหว่างการเสวนาเรื่อง “ประเด็นวิจัยเร่งด่วนและการบูรณาการกลไกด้านการวิจัยให้ทันความต้องการของประเทศ” ว่าจากสภาพปัญหาโควิด-19 กับการวิจัย มีช่องทางที่จะทำเพิ่มเติมมากมาย เพราะเป็นปัญหาใหม่ที่วิกฤตร้ายแรง ต้องใช้ความรู้ที่มีอยู่รวมกับความรู้จากภายนอกที่ต้องปรับเปลี่ยนบ่อยมาก ภายใต้สภาพเฉพาะของไทยทั้งด้านกายภาพ พันธุกรรม เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ฯลฯ การตัดสินใจทางนโยบายและระดับปฏิบัติการทั้งการควบคุม เยียวยา และฟื้นฟู จึงต้องมีทางเลือกและสมดุล สิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้น คือ ต้องมีหลักฐานที่เชื่อถือได้ ผลที่ออกมาต้องทันการณ์และใช้การในความเป็นจริงได้ วิธีการวิจัยต้องถูกปรับให้ไวและนำไปใช้ประโยชน์
“การจัดการกับงานวิจัย สกสว.ต้องมีระบบข่าวกรองที่ดี นำข้อมูลต่าง ๆ มาเข้าร่วมในกระบวนการตัดสินใจตั้งเป็นคำถามวิจัย มีมาตรการการบริหารจัดการที่ทันเวลา นักวิจัยคนไหนทำงานได้ ถ้าเลือกคนผิดงานก็ไม่ออก นอกจากนี้ยังต้องมีความร่วมมือ และสื่อสารผลงานวิจัยสู่ผู้ตัดสินใจ นักวิชาการ ผู้ปฏิบัติ และประชาชน ทั้งนี้ระบบการบริหารจัดการต้องทำวิจัยร่วมกันเพราะเป็นปัญหาระดับโลก ทั้งการเฝ้าระวัง การรักษา  วัคซีน เชื่อมกับระบบเศรษฐกิจ แรงงาน พฤติกรรมทางสังคม สุขภาพจิต และการศึกษา”
ส่วน ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการสาธารณสุข ศบค. ระบุว่าปัจจัยของความสำเร็จในการขับเคลื่อนงานวิจัยต้องประกอบด้วย ความร่วมมือของภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิจัยจากสถาบันต่าง ๆ ภาครัฐ และหน่วยงานที่ดูแลกฎระเบียบ เช่น อย. เมื่อวิจัยแล้วต้องออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ให้ได้ ไม่เฉพาะในประเทศไทยแต่รวมถึงในภูมิภาคด้วย เราต้องดูตั้งแต่ต้นจนจบให้ครบ มีคนร่วมผลิต ศูนย์หรือสถาบันต่าง ๆ การถ่ายทอดเทคโนโลยี โรงงานต้นแบบ จนออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ ไม่ขึ้นหิ้ง และยังสร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศได้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นเรื่อง ยาและวัคซีน อย่างไรก็ตามยังคงมีช่องว่างในการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับยาฟ้าทะลายโจรและกระชายขาว จะเป็นโอกาสสำคัญที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งวิจัยและขยายผลให้ทันท่วงที
ทั้งนี้ ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เสนอให้ทำวิจัยแบบแซนด์บ๊อกซ์ในอนาคต ซึ่งจะต้องมีรูปแบบที่หลุดกรอบทั่วไปที่มีอยู่ให้สามารถระดมทีมจากหลายสถาบันเพื่อตอบโจทย์เดียวกัน โดยงานวิจัยชุดแรกที่ควรดำเนินการคือ โรคติดเชื้ออุบัติใหม่ เพื่อพิสูจน์การทำงานที่แข่งกันเวลา และมีกฎระเบียบหลายอย่างที่ต้องปรับปรุงเพื่อให้งานวิจัยสามารถใช้ประโยชน์มากกว่าการตีพิมพ์

Related Keywords

Thailand ,Phrae , ,Public Health ,Board Medicine University Officed Science ,Top Public Health ,National Board ,Panel Discussion ,Alcoa ,Office The Board ,Alcoa Act ,Phrae Province ,Higher Education ,Entertainment Weekly Audio ,Public Order ,Dist ,Navy Chairman ,Areat Dean Medicine ,தாய்லாந்து ,பொது ஆரோக்கியம் ,மேல் பொது ஆரோக்கியம் ,தேசிய பலகை ,குழு கலந்துரையாடல் ,அல்கோவா ,அதிக கல்வி ,பொது ஆர்டர் ,டிஸ்த் ,

© 2025 Vimarsana

comparemela.com © 2020. All Rights Reserved.