comparemela.com


อนาคต Telemedicine หลังวิกฤต COVID-19
อนาคต Telemedicine หลังวิกฤต COVID-19
วันที่ 24 กรกฎาคม 2564 - 08:46 น.
คอลัมน์ ช่วยกันคิด
สุจิตรา อันโน
ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS
 
หลายท่านอาจจะคุ้นหูกับคำว่า
telemedicine หรือการให้บริการการแพทย์ทางไกล ซึ่งที่ผ่านมาก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระบบ telemedicine มีการพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้โรงพยาบาลหลายแห่งและตัวผู้ป่วยเองหันมาให้ความสนใจกับการบริการ telemedicine มากขึ้น
จากข้อจำกัดในการไปใช้บริการทางการแพทย์ที่โรงพยาบาลตามมาตรการลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ และการกลับมาแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศไทย ทำให้บริการ telemedicine ได้รับความสนใจอีกครั้ง จึงเป็นคำถามที่น่าสนใจว่า ตลาด telemedicine จะโตได้แค่ไหน และจะมาทดแทนการพบแพทย์แบบเดิมหรือไม่
และก่อนที่จะไปดูว่าตลาด telemedicine จะมีโอกาสเติบโตไปในทิศทางใด มาทำความรู้จักกับ telemedicine กันก่อน โดยองค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) ให้คำจำกัดความของคำว่า “การแพทย์ทางไกล” หรือ “telemedicine” หมายถึง การจัดให้บริการด้านสาธารณสุขแก่ประชาชนที่อยู่ห่างไกลโดยบุคลากรผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ โดยอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการวินิจฉัย การรักษา และการป้องกันโรค รวมถึงการศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่องของบุคลากรทางการแพทย์
รูปแบบของ telemedicine ตามลักษณะการรับส่งข้อมูล แบ่งได้เป็น 4 ประเภทหลัก ได้แก่
1) real time video เป็นการตรวจรักษาทางไกลผ่านระบบ video conference ช่วยให้ผู้ป่วยและแพทย์สามารถสื่อสารพูดคุยตอบโต้กันได้ทันทีในเวลาเดียวกัน (real time) ซึ่งวิธีนี้แพทย์สามารถซักประวัติผู้ป่วย สอบถามและสังเกตอาการของผู้ป่วย เพื่อใช้ในการวินิจฉัยโรคได้ ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลบางแห่งได้มีบริการเพื่อเสริมให้การรักษาผ่าน telemedicine มีประสิทธิภาพและครบวงจรมากขึ้น เช่น บริการเจาะเลือด ฉีดวัคซีน และจัดส่งยาให้แก่ผู้ป่วยถึงบ้านอีกด้วย
2) remote patient monitoring เป็นการติดตามอาการของผู้ป่วยระยะไกล ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้กับผู้ป่วยที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง อาทิ โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหอบหืด ที่ต้องพบแพทย์เพื่อติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอผ่านอุปกรณ์สวมใส่เพื่อสุขภาพ (medical wearables) หรืออุปกรณ์ตรวจวัดการทำงานของร่างกายต่าง ๆ เพื่อติดตามอัตราการเต้นของหัวใจ อัตราการหายใจ ปริมาณน้ำตาลในเลือด ค่าความดัน และข้อมูลอื่น ๆ เกี่ยวกับสุขภาพ จากนั้นจะมีการส่งผลการตรวจวัดให้แพทย์รับทราบ ซึ่งจะช่วยให้แพทย์สามารถติดตามความผิดปกติของผู้ป่วยจากค่าการตรวจวัดที่ส่งมาได้ และรักษาผู้ป่วยได้ทันท่วงทีก่อนเกิดภาวะวิกฤต
3) store and forward เป็นการจัดเก็บและส่งต่อข้อมูลด้านการแพทย์ของผู้ป่วยผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ ข้อมูลประวัติผู้ป่วยจากเวชระเบียน ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ ภาพเอกซเรย์ (x-ray) ไปให้แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์วินิจฉัยโรค และวางแผนการรักษาพยาบาล ซึ่งกรณีนี้แพทย์จะไม่สามารถซักประวัติหรือตรวจร่างกายของผู้ป่วยได้โดยตรง
4) mobile health (mHealth) เป็นระบบติดตามดูแลสุขภาพด้วยอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเลต ผ่านแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ เช่น แอปพลิเคชั่นสำหรับช่วยควบคุมระดับน้ำตาลสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน แอปพลิเคชั่นสำหรับดูแลระหว่างตั้งครรภ์ แอปพลิเคชั่นแจ้งเตือนและบันทึกการทานยา รวมถึงแอปพลิเคชั่นปรึกษาปัญหาสุขภาพผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งระบบ mHealth มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อตอบโจทย์การดูแลสุขภาพในยุค 5G
ตลาด Telemedicine จะโตได้แค่ไหน
การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นตัวเร่งที่ทำให้ telemedicine เข้ามามีบทบาทสำคัญในการให้บริการทางการแพทย์ โดยปัจจุบันทั่วโลกได้นำ telemedicine มาใช้ในการให้บริการทางการแพทย์มากขึ้น และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบอเมริกาเหนือ ยุโรปตะวันตก และเอเชีย-แปซิฟิก ภาพรวมมูลค่าตลาดของ telemedicine ทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ซึ่งจากผลการสำรวจของ BIS Research ได้ประเมินมูลค่าตลาดโลกของ telemedicine คาดว่าในปี 2026 มูลค่าตลาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 6.53 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จากปี 2019 ที่มีมูลค่า 2.16 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเติบโตเฉลี่ยปีละ 17.2%
ทั้งนี้ ตลาดเอเชีย-แปซิฟิกมีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นมากที่สุด โดยคาดว่าภายในปี 2026 จะมีมูลค่าตลาด 1.56 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่า จากปี 2019 ที่มีมูลค่า 4.04 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตเฉลี่ยปีละ 21.2% และมีสัดส่วนมูลค่าตลาด 24% ของมูลค่าตลาดรวม นอกจากนี้ BIS Research ยังได้ประเมินมูลค่าตลาด telemedicine ของประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สำคัญ ได้แก่ อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย
พบว่ามูลค่าตลาด telemedicine ของประเทศในกลุ่มนี้เติบโตดีสอดคล้องกับเทรนด์ของตลาดโลก โดยเฉพาะในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีการนำ telemedicine มาใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยในปี 2020 ตลาด telemedicine มีมูลค่า 490 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 25.6% จากปี 2019 ที่มีมูลค่า 390 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่ามูลค่าตลาดจะแตะระดับ 1,780 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2026 คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย 24.2% ต่อปี
สำหรับประเทศไทยแม้ว่าจะมีการนำ telemedicine มาใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยบ้างแล้ว โดยมุ่งเน้นกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ต้องรักษาต่อเนื่อง แต่ยังคงกระจุกตัวในโรงพยาบาลเอกชนและโรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพทั้งด้านเงินลงทุนและจำนวนบุคลากร ขณะที่กลุ่มผู้ใช้บริการยังคงเป็นผู้ป่วยและผู้ดูแลผู้ป่วยในเมืองใหญ่ที่คุ้นชินกับการใช้เทคโนโลยีเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ อัตราค่าบริการ telemedicine ของโรงพยาบาลเอกชนส่วนใหญ่ จะอยู่ที่ประมาณ 500 บาทต่อ 15 นาที ปัจจุบันการให้บริการปรึกษาแพทย์ผ่านระบบ telemedicine ในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะเป็นการให้บริการผ่านแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ซึ่งมีทั้งการจัดบริการโดยผู้ให้บริการทางการแพทย์โดยตรง โดยได้ลงทุนพัฒนาแพลตฟอร์มของโรงพยาบาลเอง หรือร่วมมือกับผู้ประกอบการด้าน health tech
นอกจากนี้ การให้บริการผู้ป่วยด้วย telemedicine ยังได้รับความสนใจทั้งจากบริษัทประกันและค่ายมือถือ โดยร่วมกับโรงพยาบาลเอกชนเพื่อจัดบริการ telemedicine ให้แก่ลูกค้าของตน ผ่าน LINE Official ของโรงพยาบาล และแอปพลิเคชั่นของบริษัทประกันชีวิต และค่ายมือถือเอง
ขณะเดียวกัน หน่วยงานภาครัฐโดยเฉพาะสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พยายามผลักดันให้เกิดการนำ telemedicine มาใช้ในโรงพยาบาลรัฐเพิ่มขึ้น โดยได้กำหนดให้ผู้ป่วยที่ใช้สิทธิบัตรทองสามารถเข้ารับบริการ telemedicine กับโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการได้ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 15 แห่ง
โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อให้เกิดการเว้นระยะห่างและลดความแออัดในโรงพยาบาล และอาจจะกลายเป็น new normal ในการให้บริการด้านสาธารณสุขในอนาคต
Krungthai COMPASS มองว่า การให้บริการ telemedicine ในประเทศไทยเป็นบริการทางการแพทย์ที่มีโอกาสเติบโตในอนาคตสอดคล้องกับเทรนด์ของโลก ซึ่งสอดรับกับสภาพของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป การเปิดรับการใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันมากขึ้น
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีดิจิทัล และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม 5G ที่ทำให้เทคโนโลยี internet of things (IOTs) artificial intelligence (AI) และ big data เข้ามามีบทบาทและทวีความสําคัญที่จะช่วยเสริมให้การรักษาพยาบาลและการบริการทางการแพทย์มีความก้าวหน้า มีประสิทธิภาพและทันสมัยมากยิ่งขึ้น
ซึ่งการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นตัวเร่งให้บริการ telemedicine ในไทยเกิดเร็วขึ้น และกลายเป็น new normal ของการให้บริการทางการแพทย์ในอนาคตที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการที่รวดเร็ว ช่วยลดต้นทุนการให้บริการ ประหยัดเวลา และทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการด้านการแพทย์ได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การให้บริการ telemedicine ในประเทศไทยอาจจะไม่ได้มาทดแทนการพบแพทย์ในรูปแบบเดิม แต่จะเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพในการให้บริการรักษาพยาบาล และขยายไปสู่การนำมาใช้เพื่อให้บริการด้านการส่งเสริมสุขภาพอื่น ๆ
นอกจากนี้ การขยายตัวของการให้บริการ telemedicine จะช่วยสร้างโอกาสในการระดมเงินลงทุนให้แก่ผู้ประกอบการในกลุ่ม health tech ของไทย อย่างไรก็ดี ความคุ้นชินและความเชื่อมั่นกับการพบแพทย์แบบเดิม การเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่ยังไม่ครอบคลุมและมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
รวมถึงความไม่ชำนาญในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการสื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ และความไม่มั่นใจเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ป่วย ยังเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางการเติบโตของการให้บริการ telemedicine
ซึ่งภาครัฐจึงควรให้ความสำคัญในการผลักดันและสนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงบริการนี้ให้มากขึ้น เพื่อประโยชน์ด้านสาธารณสุขในระยะยาว ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่ภาครัฐต้องแบกรับภาระสูง อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาความแออัดในโรงพยาบาล และลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการสาธารณสุขโดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล
ไม่พลาดข่าวสำคัญ เจาะลึกทุกประเด็น
เพิ่มเราเป็นเพื่อนทาง @prachachat

Related Keywords

Taiwan ,Philippines ,United States ,Thailand ,Toronto ,Ontario ,Canada ,Phrae , ,Ora Service ,Public Health ,Brno Center ,Service Medical ,Phrae Province ,New Thailand ,Diagnosis Treatment ,Medical Diagnosis ,Europe East ,New Taiwan ,Asia East ,Indonesia Vietnam Malaysia Philippines Thailand ,Hospital State ,Hospital Private Sector ,Life Insurance Camp ,Hospital Last ,Thailand May ,டைவாந் ,பிலிப்பைன்ஸ் ,ஒன்றுபட்டது மாநிலங்களில் ,தாய்லாந்து ,டொராண்டோ ,ஆஂடேரியொ ,கனடா ,பொது ஆரோக்கியம் ,சேவை மருத்துவ ,புதியது தாய்லாந்து ,நோயறிதல் சிகிச்சை ,மருத்துவ நோயறிதல் ,யூரோப் கிழக்கு ,புதியது டைவாந் ,ஆசியா கிழக்கு ,மருத்துவமனை நிலை ,மருத்துவமனை கடந்த ,தாய்லாந்து இருக்கலாம் ,

© 2025 Vimarsana

comparemela.com © 2020. All Rights Reserved.