comparemela.com


เอไอเอเผยผลสำรวจคนใน 7 ประเทศเอเชีย “จีนแผ่นดินใหญ่-ฮ่องกง-อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ฟิลิปปินส์-สิงคโปร์-ไทย-เวียดนาม” พบครัวเรือนไทยได้รับผลกระทบสถานะทางการเงินจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สูงกว่าประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย
วันที่ 16 กรกฎาคม 2564 กลุ่มบริษัทเอไอเอ เผยรายงานการสำรวจผลกระทบของโรคโควิด-19 ที่มีต่อการออมในภาคครัวเรือน โดยเปิดเผยว่า คนไทยได้รับผลกระทบต่อรายได้และสถานะทางการเงินมากกว่าอีก 7 ประเทศที่ทำการสำรวจในครั้งนี้ จากผลการสำรวจพบว่า 82% ของคนไทยจำนวน 1,000 คนกล่าวว่า รายได้ของพวกเขาได้รับผลกระทบในทางลบเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในภูมิภาคที่อยู่ราว 66% และ 79% รู้สึกว่าสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของพวกเขา
ในขณะที่ผลจากการสำรวจในทุกประเทศอยู่ที่ 64% นอกจากนี้รายได้เฉลี่ยในประเทศไทยลดลงสูงกว่าประเทศอื่น ๆ อยู่ที่ 33% และอีก 22% ของผู้ตอบแบบสอบถามรายงานว่า รายได้ของตนลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่งจากรายได้เดิม
AIA Save Smarter Study 2021 ได้ทำการสำรวจผู้เอาประกันภัยทั้งสิ้น 7,400 คนที่มีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป ในภูมิภาคเอเชียรวม 8 แห่ง ประกอบด้วย จีนแผ่นดินใหญ่, ฮ่องกง, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ไทย และเวียดนาม
นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่เมื่อปี 2563 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ได้ส่งผลกระทบต่อผู้คนทั่วโลกทั้งในด้านชีวิตความเป็นอยู่ การประกอบอาชีพ รวมถึงด้านเศรษฐกิจ
กลุ่มบริษัทเอไอเอมีความห่วงใยอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ดังกล่าว และด้วยเป้าหมายที่เรามุ่งมั่นสนับสนุนให้ผู้คนนับล้านมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา “Healthier, Longer, Better Lives” จึงเป็นที่มาในการทำการสำรวจ AIA Save Smarter Study 2021 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ภายใต้วิกฤตการณ์ครั้งนี้ผู้บริโภคส่วนใหญ่เต็มใจที่จะละทิ้งแผนการใช้เงินออมสำหรับอนาคต และเปลี่ยนมาให้ความสำคัญกับการปกป้องตนเองจากสิ่งที่ไม่คาดฝัน
จากเหตุการณ์นี้เองทำให้ผู้คนเลือกเก็บเงินสดไว้ในธนาคาร อย่างไรก็ตาม เอไอเอมีความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอทางเลือกในการวางแผนทางการเงินและการบริหารความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดคิดอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันสำหรับผู้บริโภค ผ่านผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิตลิงก์) ที่สามารถมอบความอุ่นใจให้แก่ผู้บริโภคได้มากขึ้น ด้วยผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว และยังป้องกันความเสี่ยงด้านสภาพคล่องไว้ได้อีกด้วย
ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นไปตามคำมั่นสัญญาของเอไอเอ นั่นคือเราต้องการช่วยให้ผู้คนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตั้งใจเก็บเงินไว้ใช้ยามฉุกเฉินโดยขาดการวางแผนที่รอบคอบผลกระทบต่อสถานะทางการเงินที่สำคัญจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญในการออมภาคครัวเรือนของผู้บริโภค
ในขณะที่คนไทย 57% กล่าวว่าพวกเขาถูกบีบบังคับจากสถานการณ์ทำให้จำเป็นต้องลดการออมลงในปี 2563 (สูงสุดในบรรดาประเทศที่สำรวจทั้งหมด) ซึ่ง 83% เห็นด้วยว่าพวกเขาวางแผนที่จะกันเงินออมเพิ่มขึ้นจากความหวาดกลัวและความไม่มั่นคงอันเกิดจากการแพร่ระบาดครั้งใหญ่นี้ และ 45% ของกลุ่มตัวอย่าง ยืนยันว่าพวกเขาวางแผนที่จะเพิ่มเงินออมในปี 2564 โดยมีเพียง 11% ที่วางแผนจะเพิ่มเงินออมของพวกเขาในอัตราส่วนที่มากกว่า 50%
การศึกษายังแสดงให้เห็นว่าแนวโน้มและวัตถุประสงค์ในการออมของภาคครัวเรือนกำลังเปลี่ยนแปลง การจัดการความไม่แน่นอนได้กลายเป็นเป้าหมายใหม่ที่สำคัญสำหรับการออมโดยมุ่งเน้นที่การเข้าถึงกองทุนเงินสำรองฉุกเฉินมากขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับ
การใช้จ่ายยามฉุกเฉิน (71%)
การค้ำประกันความมั่นคงทางการเงินให้กับตัวเองและครอบครัวในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน (60%)
ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและการเตรียมตัวเพื่อการเกษียณ (54%) ถือเป็นเป้าหมายอันดับต้น ๆ ของการออมในประเทศไทย
วิธีบรรลุเป้าหมายที่หลากหลายของการออมในภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นนั้นถือเป็นความท้าทายที่สำคัญ คนไทย 44% ออมเงินที่มีอยู่หลังหักค่าใช้จ่ายโดยไม่มีแผนการออมเชิงรุก ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่สูงที่สุดในกลุ่มประเทศทั้งหมดที่ทำการสำรวจ 16 กันเงินออมไว้ในจำนวนที่แน่นอน  19% เริ่มกำหนดเป้าหมายการออม และ 21% ระบุเป้าหมายการออมและกันเงินออมเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
โดยธนาคารยังคงเป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการออม มากกว่า 9 ใน 10 ของกลุ่มตัวอย่าง (92%) ในไทย ยังนิยมคงสภาพคล่องในการออมผ่านการฝากเงินไว้ในธนาคาร และเกือบหนึ่งในสี่ของผู้ฝากเงินไว้กับธนาคารนั้น (22%) ไม่มีเงินออมในช่องทางอื่น ๆ อีกเลย
ความสำคัญของการประกันภัยเพื่อความคุ้มครองและการออมผลกระทบเพิ่มเติมของการระบาดใหญ่ครั้งนี้ คือผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจในการทำประกันภัยมากขึ้น โดย 85% ของผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทยเห็นด้วยว่าการประกันภัยมีความสำคัญมากกว่าที่ผ่านมา ในการให้ความคุ้มครองที่ดีขึ้นในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และ 16% กล่าวว่าพวกเขาวางแผนที่จะเพิ่มการจัดสรรเงินทุน เพื่อการทำประกัน ในจำนวนคนไทยที่วางแผนจะเพิ่มการใช้จ่ายในการทำประกันนั้น 58% ระบุว่าพวกเขาวางแผนที่จะใช้จ่ายมากขึ้นในการประกันชีวิตด้วยการออม และ 56% ตั้งใจที่จะใช้จ่ายมากขึ้นในการทำประกันเพื่อคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและสุขภาพ
ผลกระทบทางอารมณ์จากสถานการณ์โควิด-19 ความกลัวและความไม่แน่นอนที่มีผลกระทบต่อความเป็นอยู่ที่ดี เป็นตัวกระตุ้นให้ธุรกิจประกันภัยได้รับความนิยมมากขึ้น โดย 74% ของผู้ตอบแบบสำรวจในประเทศไทยกล่าวว่าโควิด-19 ส่งผลในแง่ลบต่อชีวิตทางสังคมของพวกเขาในปี 2563 และ 54% เชื่อว่ายังส่งผลเสียต่อสุขภาพของพวกเขาอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่มีผลต่อสุขภาพทั้งทางการเงินและส่วนบุคคลมีแนวโน้มที่จะยังไม่สิ้นสุดในเร็วๆ นี้ โดย 89% เชื่อว่าโควิด-19 จะคงอยู่หลังจากเดือนมิถุนายน 2564 และ 26% เชื่อว่าจะคงอยู่จนถึงปี 2566 หรือนานกว่านั้น
“อย่างไรก็ดี เราอยากให้คนไทยมั่นใจว่า เอไอเอจะยังคงอยู่เคียงข้างและพร้อมสนับสนุนให้ประชาชนทั่วประเทศ มีความคุ้มครองด้านชีวิตและสุขภาพที่เพียงพอ เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยเรามีตัวแทนประกันชีวิตที่กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคกว่า 50,000 ท่าน ซึ่งสามารถให้คำปรึกษาและช่วยวางแผนทางการเงินให้กับคนไทย เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ผมในนามของเอไอเอ ประเทศไทย ขอเป็นกำลังใจให้คนไทยก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกันอย่างแข็งแรงทั้งกายและใจ” นายกฤษณ์กล่าว
ไม่พลาดข่าวสำคัญ เจาะลึกทุกประเด็น
เพิ่มเราเป็นเพื่อนทาง @prachachat

Related Keywords

China ,Philippines ,Thailand ,Phrae ,Kris Chan ,Decatur National Assemblya China ,Alcoa ,Thailand Health ,Alcoa David ,Country Asia China ,Phrae Province ,Xvi July ,Decatur National Assembly ,Thailand Vietnam ,New Important ,Xix Start ,Business Insurance ,Alcoa David Xix ,சீனா ,பிலிப்பைன்ஸ் ,தாய்லாந்து ,கிரிஸ் சான் ,அல்கோவா ,தாய்லாந்து ஆரோக்கியம் ,தாய்லாந்து வியட்நாம் ,வணிக காப்பீடு ,

© 2024 Vimarsana

comparemela.com © 2020. All Rights Reserved.