comparemela.com
Home
Live Updates
โควิดระทึก-การเมืองระอุ รัฐบาลบิ๊กตู่ แขวนอยู่บนเส้นด้าย : comparemela.com
โควิดระทึก-การเมืองระอุ 'รัฐบาลบิ๊กตู่' แขวนอยู่บนเส้นด้าย
ข้อความข้างต้นจากการโพสต์เฟซบุ๊กของ
“บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ซึ่งชัดเจนว่าเป็นการออกมาส่งสัญญาณ
“ไม่มีวันถอย-ไม่ลาออก” สวนทางเสียงเรียกร้องและกระแสกดดันของคนในสังคม ที่ต่างเห็นพ้องต้องกันว่าต้องการให้
“บิ๊กตู่” ถอยฉาก ออกจากเก้าอี้นายกฯ เพื่อเปิดทางให้คนที่มีความรู้ความสามารถขึ้นมานำพาประเทศ สู้กับ
“ไวรัสนรกโควิด-19”
ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดขณะนี้เป็นไปอย่างหนักหน่วง และไม่มีวี่แววจะทุเลาลง ยังคงมีผู้ติดเชื้อเฉียด 10,000 คนต่อวัน ขณะที่ผู้เสียชีวิตเพิ่มจำนวนเข้าใกล้หลัก 100 คนต่อวัน ที่สำคัญมีภาพความรันทดของผู้ติดเชื้อที่ไม่มีเตียงรักษา
“นอนรอความตาย” จนสุดท้ายเสียชีวิตคาบ้าน
แม้รัฐบาลจะมีการออกแบบการแบ่งเตียง แนวทางกักตัวที่บ้าน (Home isolation) แต่การเข้าถึงผู้ป่วยในชุมชนยังไม่ทันท่วงที ขณะที่จำนวนเตียงรักษาไม่สมดุลกับยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่มีจำนวนสูงเกือบเท่าตัวผู้ป่วยที่รักษาหายกลับบ้านต่อวัน จึงทำให้ปัญหาเรื่องเตียงรักษาไม่เพียงพอเป็นเรื่องที่แก้ไม่ตก!
ดังนั้นจึงกลายเป็นภาพสะท้อนความล้มเหลวที่ย้อนมาถึง “บิ๊กตู่” ที่ตอกย้ำการบริหารจัดการที่ผิดพลาดจนทำให้คนไทยต้องตายคามือแบบรายวัน
ยังไม่รวมกับความสับสนอลหม่าน
“ดราม่าวัคซีน” ทั้งปัญหาเรื้อรังเรื่องจำนวนวัคซีนไม่เพียงพอความต้องการของประชาชน ส่วนการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมของรัฐบาล ก็ยังไม่สอดคล้องกับความรุนแรงของสถานการณ์การแพร่ระบาด จนทำให้ภาคเอกชน หมอบุญ ทนรอไม่ได้จนประกาสจัดหาวัคซีนเข้ามาเอง แต่ก็ยังไม่รู้ถึงวิธีการที่ชัดเจน ตลอดจนประสิทธิภาพของวัคซีนที่มีในประเทศที่สร้างภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์เดลต้า ได้ในอัตราที่ต่ำจนน่าใจหาย จนเรียกได้ว่าขณะนี้ชีวิตคนไทย
“แขวนอยู่บนเส้นด้าย” อย่างแท้จริง
แล้วยังต้องมาเป็นหนูทดลองจากการปรับสูตรฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อ ท่ามกลางคำถามเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิภาพ จนกลายเป็นการเพิ่มภาระความกังวลของประชาชนให้หนักอึ้งยิ่งขึ้นไปอีก
ส่วนการบริหารจัดการฉีดวัคซีนก็ยังคงย่ำแย่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการจัดลำดับความสำคัญของกลุ่มที่ควรได้รับวัคซีนเป็นอันดับแรก ทั้งในส่วนของกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัว รวมถึงกลุ่มแรงงานที่เสี่ยงจะนำเชื้อไปแพร่กระจายในบ้านสู่คนในครอบครัว ซึ่งรัฐบาลจะต้องบริหารจัดการวัคซีนในสองส่วนนี้ควบคู่กันไปอย่างมีสมดุล เพื่อให้ตอบโจทย์กับสถานการณ์
ขณะที่การผลิตวัคซีนแอสตราเซเนกาในประเทศ ที่มีการส่งออกไปต่างประเทศจำนวนมาก สวนทางกับสถานการณ์ภายในประเทศ เพราะปัจจุบันมีวัคซีนเพียง 1 ใน 3 ของกำลังการผลิตในถูกใช้ในประเทศ แม้ล่าสุดคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติจะพิจารณาการกำหนดสัดส่วนการส่งออกวัคซีน แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจน และยังมีความเป็นไปได้ว่าสัดส่วนที่ปรับใหม่ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการในประเทศอยู่ดี
ดังนั้นบทเรียนจากหลายประเทศที่เป็นฐานการผลิตวัคซีนที่มีการห้ามส่งออกวัคซีน เพื่อนำวัคซีนทั้งหมดควบคุมสถานการณ์ในประเทศให้ได้ก่อนส่งออกวัคซีนไปต่างประเทศนั้น อาจจะเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องกลับไปทำการบ้าน เพราะหากปล่อยให้สถานการณ์การแพร่ระบาดสวนทางกับจำนวนวัคซีนในประเทศต่อไปแบบนี้ สุดท้ายอาจเกิดหายนะทางสาธารณสุขเหมือนที่เกิดขึ้นในประเทศอินเดีย อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ส่วนเรื่องการตรวจหาเชื้อเชิงรุกเองก็เป็นไปอย่างทุลักทุเล ด้วยจุดตรวจที่มีจำกัดจนเกิดภาพประชาชนรวมตัวจำนวนมากเพื่อรอตรวจหาเชื้อโควิด ส่วนชุดตรวจโควิดแบบเร่งด่วน หรือ Antigen Test Kits ที่ประชนสามารถตรวจหาเชื้อได้เองนั้น กลับมีราคาสูงเมื่อเทียบกับต่างประเทศ จนทำเอาคนที่มีรายได้น้อยหาเช้ากินค่ำ ไม่สามารถจับต้องได้
ถึงแม้ล่าสุด
“รัฐบาลบิ๊กตู่” จะเคาะมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ออกมาแล้ว ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการ และลูกจ้าง แต่ยังเป็นการเยียวยาแบบ
“กระปริดกระปรอย” และกระจุกอยู่แค่บางกลุ่มธุรกิจ และเยียวยาแค่ในพื้นที่สีแดงเท่านั้น ทั้งที่สถานการณ์โควิดขณะนี้กระจายไปทั่วประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เกิดความเดือดร้อนกันทั่วทุกหัวระแหง ทุกธุรกิจ ทุกภาคส่วน ทุกพื้นที่ ได้รับผลกระทบไม่น้อยไปกว่ากัน และแทบจะเรียกได้ว่าการระบาดระรอกนี้หนักหนาสาหัสกว่าครั้งไหนๆ แต่การเยียวยาของรัฐบาลกลับมองแค่ผลกระทบแค่ส่วนเดียว
นอกจาก “สมรภูมิโควิด” แล้ว ยังมี “สมรภูมิการเมือง” ที่รอเหยียบซ้ำ “รัฐบาลบิ๊กตู่” ให้จมดิน ล่าสุดพรรคฝ่ายค้าน
“
ปักธงจองกฐิน
ซักฟอก” เตรียมที่จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 โดยพุ่งเป้าหลักไปที่ความล้มเหลวในการแก้ไขสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 และปัญหาผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ
ขณะที่
คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติสภาผู้แทนราษฎร นำโดย
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ก็ได้ทีเดินเกมรุก ตรวจสอบกรณีการบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาลเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ โดยมองว่าการบริหารจัดการภายใต้
“รัฐบาลบิ๊กตู่” ดำเนินการทุกอย่างล่าช้า พร้อมยังพ่วงการตรวจสอบ
“บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กรณียืมนาฬิกาหรู และตรวจสอบหาข้อเท็จจริงกรณี
“บิ๊กตู่” พักในบ้านรับรองของกองทัพบก ชนิดที่ว่า
“กัดไม่ปล่อย”
และอีกประเด็นร้อน ในการประชุมของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2565 สภาผู้แทนราษฎร ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า จะมีการพิจารณางบกระทรวงกลาโหม ซึ่งจะรวมงบประมาณในการซื้อเรือดำน้ำอยู่ด้วย โดย กมธ.ฝั่งฝ่ายค้าน นำโดย
ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เตรียมที่จะโยนคำถามกลางที่ประชุม กมธ. แบบจี้ใจดำว่า
การจัดซื้อเรือดำน้ำกับชีวิตประชาชน…จะเลือกอะไร? เพราะปัจจุบันผู้บัญชาการทหารเรือยังไม่มีท่าทีจะถอยในเรื่องนี้ แต่กลับกันยังคงเร่งเดินหน้าเต็มกำลัง ดังนั้นจุดนี้เป็นจุดที่จะต้องเลือกว่าระหว่างชีวิตคนไทยกับเรือดำน้ำ
ตามด้วยความร้อนแรงของการเมืองนอกสภา แม้การแพร่ระบาดที่รุนแรงขึ้นจะทำให้การชุมนุมลดน้อยลง แต่ยังมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ ทั้งกรณีกลุ่มไทยไม่ทน และการจัดคาร์ม็อบ ที่มุ่งกดดันพรรคร่วมรัฐบาล
พรรคภูมิใจไทย–
พรรคไทยสร้างไทย ที่นำโดย “
หญิงหน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ที่มีการระดมรายชื่อประชาชน 650,000 ชื่อ ยื่นฟ้อง
“บิ๊กตู่” และผู้ที่เกี่ยวข้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ จากกรณีสั่งซื้อวัคซีนซิโนแวคเพิ่มเติมอีกจำนวน 10.9 ล้านโด๊ส ในวงเงินประมาณ 6,100 ล้านบาท
แต่ไฮไลต์การเมืองยังคงอยู่ที่
“โทนี่ วู้ดซัม” หรือ
ทักษิณ ชินวัตร ในโลกคลับเฮาส์ ที่กระแสมาแรงแซงหน้า
“บิ๊กตู่” ถึงขั้นออกมาเย้ยว่าพร้อมให้คำปรึกษากับรัฐบาล แบบ Work from Dubai ซึ่งก็เรียกเสียงเชียร์จากบรรดาแฟนคลับได้เป็นอย่างดี จนคะแนนนิยมพุ่งปรี๊ดสวนทางคะแนนนิยมของรัฐบาล พร้อมกันนั้นยังออกมาฟันธงว่า
“บิ๊กตู่” จะยุบสภาช่วงปลายปีนี้ อย่างช้าไม่เกินเดือน ม.ค. 2565
ปิดท้ายด้วยคำพยากรณ์ดวงเมืองประเทศไทยช่วงครึ่งปีหลัง 2564 จาก
“กูรูโหราศาสตร์” หลายๆ คน ต่างทำนายทายทักไปในทิศทางเดียวกันว่ามีเกณฑ์ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยรัฐบาลอาจไม่ได้รับการสนับสนุนเหมือนเก่าจากประชาชนและกลุ่มนักธุรกิจที่เคยสนับสนุน เกิดความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล จนอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงในคณะรัฐมนตรี หรือผู้บริหาร โดยเฉพาะในช่วงเดือน พ.ย. 2564-ก.พ. 2565 มีโอกาสสูงที่จะการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้น ทั้งการประกาศยุบสภา หรืออาจเกิดรัฐประหารยึดอำนาจ
ถึงเวลาแล้วที่ “บิ๊กตู่” ควรจะต้อง “เทคแอ๊คชั่น” ทำอะไรสักอย่างที่พอจะทำให้รัฐบาลเป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนได้ในช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ หรือหากทำอะไรไม่ได้เลย ก็ควรพิจารณาตัวเองทำตามคำขอสุดท้ายของประชาชน! และขออย่าดูถูกประชาชน เพราะหากดันทุรังต่อไปแบบนี้ทุกอย่างจะไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ และเมื่อใดที่ประชาชนหมดความเชื่อมั่นในรัฐบาลเมื่อนั้นประเทศไทยอาจจะต้องเจอกับหายนะ.
ข่าวอื่นๆ
Related Keywords
Thailand
,
India
,
Ireland
,
Phrae
,
A Prayuth Chan
,
Greg Hughes
,
Thaksin Shinawatra
,
Thailand Party Democrat
,
Public Health
,
Club House
,
Board Commission Km
,
Board Commission Protection
,
Alcoa
,
Alcoa David
,
Facebook Big
,
Prayuth Chan
,
Cabinetc Defence
,
Hell Alcoa
,
Phrae Province
,
Sebastopol Boone Ravens
,
Board Director
,
Country India
,
Bougainville Alcoa David
,
Federal Council
,
Big Fort
,
Pravitkulawath Wong Suwan Deputy
,
Board Commission
,
Ireland Act
,
South Africa Maha Sarakham Province
,
Party Thailand
,
Criminal Investigation
,
Wood Or Thaksin Shinawatra
,
Rush Preet
,
தாய்லாந்து
,
இந்தியா
,
ஐயர்ல்யாஂட்
,
கிரெக் ஹக்ஸ்
,
பொது ஆரோக்கியம்
,
சங்கம் வீடு
,
அல்கோவா
,
பிரயுத் சான்
,
பலகை இயக்குனர்
,
நாடு இந்தியா
,
கூட்டாட்சியின் சபை
,
பலகை தரகு
,
ஐயர்ல்யாஂட் நாடகம்
,
குற்றவாளி விசாரணை
,
comparemela.com © 2020. All Rights Reserved.